TOP
h
  /  2022

ท้องทะลอันงดงามเงียบสงบ การออกแบบตกแต่งที่สวยงามลงตัว พร้อมการต้อนรับขับสู้อย่างจริงใจ ล้วนเป็นเสน่ห์ที่ไม่อาจมองข้าม และทำให้ โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ หัวหิน และเดอะบาราย คืออีกหนึ่งจุดหมายปลายทางในหัวหิน ที่ดึงดูดใจให้คุณอยากไปเยือนอยู่เสมอ ท่ามกลางสวนสวยสไตล์เขตร้อนและหาดทรายขาวของท้องทะเลอ่าวไทย โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ หัวหิน และเดอะบาราย ถูกออกแบบอย่างร่วมสมัย ในรูปแบบอาคารโลว์-ไรซ์ สอดแทรกไปตามร่มไม้อันเขียวขจี อาคารต่าง ๆ ประกอบไปด้วยห้องพักจำนวน 213 ห้องและห้องสวีท วิวสวนและเชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำ โดยมีการแบ่งห้องพักเป็น 3 รูปแบบให้คุณได้เลือกพักตามต้องการ ทั้งห้องสแตนดาร์ตและห้องดีลักซ์ ห้องรีเจนซี่คลับและห้องสวีท และเดอะบารายสวีท พร้อมยกระดับการเข้าพักของคุณด้วย Regency Club เพื่อให้คุณได้เพลิดเพลินกับสิ่งอำนวยความสะดวกสุดพิเศษ เช่น เลานจ์ส่วนตัวพร้อมของว่าง เครื่องดื่มสร้างความสดชื่นฟรี และค็อกเทลยามเย็น โดยมีพนักงานคอยให้บริการ ซึ่งบริการเหล่านี้จะได้รับเมื่อเข้าพัก ห้อง Regency Club Room, ห้อง Regency Club Deluxe Room, ห้อง Regency Club View Room, ห้อง Regency Suite, ห้อง Regency Executive Suite และ ห้อง Premier Suite/ Premier View Suite นอกจากนี้ยังมี The Barai Balcony Suite กับขนาดห้องที่กว้างขวางถึง 144 ตร.ม. มีระเบียงวิวทะเล เตียงคิงไซส์ วอล์กอินโคลเซ็ต พื้นที่ทำทรีตเมนท์สปา ห้องอบไอน้ำ อ่างอาบน้ำกว้างขวาง ห้องรับประทานอาหาร บริการผู้ช่วยส่วนตัว พร้อมสิทธิการเข้าใช้คลับเลานจ์และสปาฟรี ส่วน The Barai Pool Suite นั้นมาพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว Presidential Pool Villa เป็นวิลล่าริมชายหาดที่มีพื้นที่กว้างขวางถึง 227 ตร.ม. มีระเบียงอีก 207 ตร.ม มาพร้อมสระว่ายน้ำ สวน พื้นที่อาบแดด ห้องครัว ห้องนั่งเล่น พื้นที่ทำงาน และเตียงควีนไซส์หรูหรา 2 เตียง บริการพ่อบ้าน รวมถึงเอกสิทธิ์สิทธิ์เข้าใช้บริการคลับเลานจ์เช่นกัน ไฮแอท รีเจนซี่ หัวหิน ยังนำเสนอตัวเลือกอันหลากหลายในการรับประทานอาหาร เริ่มต้นด้วย ร้านอาหาร Figs ที่ให้บริการอาหารอิตาเลียนสมัยใหม่ และอาหารไทยต้นตำรับ และอาหารทะเล ด้าน McFarland House เป็นห้องอาหารวิวทะเลที่สวยที่สุด พร้อมบริการคุณด้วยอาหารยุโรปสมัยใหม่เพื่อสุขภาพ ในระหว่างวันยังสามารถจิบเครื่องดื่มไปพร้อมอาหารว่างแสนอร่อยที่ You & Mee ร้านอาหารและบาร์ริมสระน้ำในบรรยากาศสบายๆ Fountain Bar บาร์เปิดใหม่ที่ให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศแสนสบายของบาร์ที่พร้อมจะทำให้ทุกคืนของคุณต่อจากนี้สนุกยิ่งขึ้น โดดเด่นที่สุดคือ เดอะ บาราย สปา มากรางวัล ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากบ่อน้ำอันศักดิ์สิทธิ์ของเขมรโบราณ จุดหมายปลายทางที่หลายคนอยากมาเช็กอินที่หัวหิน เพื่อหลีกหนีความวุ่นวาย เร้นกายสู่พื้นที่แห่งความสงบ ไปพร้อมกับการได้บำบัดกายและใจแบบองค์รวม ท่ามกลางความอลังการของโครงสร้างอาคาร แวดล้อมไปด้วยสวนสวยและร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่สร้างความเพลิดเพลินให้คุณอีกได้มากมาย อาทิ โยคะ ยิงธนู สนามพัตกอล์ฟ ปั่นจักรยานริมชายหาด เด็กอายุ 4-12 ปีก็สามารถสนุกไปกับ สนามเด็กเล่นเอาต์ดอร์ และ แคมป์ไฮแอท ผู้ใหญ่ก็มี ฟิตเนสเซ็นเตอร์ ที่เปิดตลอด 24 ชม. ช็อปจำหน่ายสินค้าและของที่ระลึก รวมทั้งยังมีห้องประชุมสัมมนา พื้นที่เอาต์ดอร์กว้างขวาง อุปกรณ์ที่ทันสมัย พร้อมด้วยทีมงานมืออาชีพที่พร้อมมอบงานเลี้ยงสังสรรค์ งานประชุมสำคัญ กิจกรรมในฝันให้กับคุณ ภายใต้นโยบายของการดำเนินงานเพื่อเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม   สิทธิพิเศษ กรอกโค้ด BENZ เพื่อรับ ส่วนลด 20% จากราคา Bed and Breakfast สำหรับห้องพักที่โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ หัวหิน เมื่อเข้าพักกับทางโรงแรม 2 คืนรับสิทธิประโยชน์ บัตรกำนัลสปาทรีตเมนต์ (สำหรับเมนูอะลาคาร์ท) ที่ THE BARAI Spa ชุดน้ำชายามบ่าย 1 ชุด ที่ห้องอาหารแมคฟาร์แลนด์เฮ้าส์/ การเข้าพัก 2 คืน จองได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคม - 30 กันยายน 2567 เข้าพักได้ถึง 20 ธันวาคม 2567 เงื่อนไข กรุณาชำระด้วยบัตรเครดิต UOB Mercedes เท่านั้น เงื่อนไขเป็นไปตามที่โรงแรมกำหนด   สาขาที่ร่วมรายการ โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ หัวหิน และ เดอะบาราย 91 ซอยหมู่บ้านหนองแก ตำบลหนองแก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ www.hyattregencyhuahin.com   ระยะเวลา 1 กรกฏาคม - 30 กันยายน 2567        

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ผนึกกำลังตัวแทนจำหน่ายฯ ทั่วประเทศ จัดกิจกรรม “Friends of Mercedes” การประกวดเฟ้นหาที่ปรึกษาทางการขายที่มีความโดดเด่น และมีความสามารถในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ออกมาให้มีประสิทธิภาพ ภายใต้มาตรฐานการตัดสินและแนวคิด “Think Luxury, Act Luxury” เน้นย้ำการยกระดับแนวความคิดและการแสดงออกของที่ปรึกษาทางการขาย ในฐานะตัวแทนของแบรนด์ระดับลักชัวรี่ ผ่านการร่วมมือกับครีเอทีฟเอเจนซี่ชั้นแนวหน้าของไทย อย่าง บีบีดีโอ กรุงเทพ (BBDO Bangkok) ในฐานะที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร และมีบทบาทเป็นหนึ่งในคณะกรรมการในการตัดสินผู้ชนะของกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งจากผลการตัดสิน มีที่ปรึกษาทางการขายจากแต่ละตัวแทนจำหน่ายฯ ที่ชนะเลิศและขึ้นชื่อว่าเป็น “Friends of Mercedes” ในประเทศไทยจำนวนทั้งสิ้น 16 คน จากผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 37 คน โดยมีคณะผู้บริหารจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ นำโดย มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ มร. คาย-อูเว่ ทริลเลนแบร์ก รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาดและการขาย ร่วมแสดงความยินดีกับผู้ชนะทุกคน ในกิจกรรม “Friends of Mercedes” เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ดึง 3 อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังในประเทศไทยมาร่วมเป็นวิทยากรในการเสริมทักษะและองค์ความรู้ให้แก่ที่ปรึกษาการขาย ได้แก่ คุณพีท – ทสร บุณยเนตร Chief Creative Officer (CCO) จาก BBDO Bangkok คุณเต้ย – นิธิ ท้วมประถม เจ้าของช่อง Autolifethailand.tv และคุณอู๋ – อติชาญ เชิงชวโน เจ้าของช่อง spin9 โดยวิทยากรทุกท่านได้แชร์เทคนิคและประสบการณ์ทั้งในด้านของการคิดครีเอทีฟไอเดีย การสร้างสรรค์วิดิโอ รวมถึงการใช้เครื่องมือในการทำคอนเทนต์ในปัจจุบันผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมิเดียต่าง ๆ โดยเฉพาะแพลตฟอร์มรูปแบบวิดิโอ อย่าง TikTok และ YouTube เพื่อให้ที่ปรึกษาการขายเข้าใจถึงแนวคิดและวิธีการต่าง ๆ และสามารถนำไปปรับใช้ในการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์ และรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เชื่อว่าตัวแทนจำหน่ายฯ และที่ปรึกษาทางการขายทุกคน มีบทบาทสำคัญในทุกขั้นตอนการบริการ และเป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับลูกค้ามากที่สุด กิจกรรมในครั้งนี้จึงถือเป็นหนึ่งในก้าวสำคัญที่จะช่วยสร้างความเข้าใจในด้านการสื่อสาร รวมถึงยกระดับแนวความคิดและทักษะต่าง ๆ ให้กับผู้ร่วมกิจกรรมที่เปรียบเสมือนกระบอกเสียงของแบรนด์ เพื่อเป้าหมายเดียวกันในการส่งมอบประสบการณ์และบริการระดับลักชัวรี่ตามมาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ให้แก่ลูกค้าทุกคน   สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่: www.mercedes-benz.co.th หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่: ตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือผ่านช่องทาง Facebook: Mercedes-Benz Thailand IG: @MercedesBenzThailand LINE: @mercedesbenzth

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประกาศลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) ร่วมกับ TSR Recycling GmbH & Co. KG โดยมีเป้าหมายในการผลักดันกลยุทธ์เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ภายใต้โปรเจกต์ “Urban Mining” หรือการทำเหมืองในเมือง ซึ่งเป็นการนำชิ้นส่วนรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ครบอายุการใช้งานกลับมาสร้างคุณค่าใหม่ ทั้งการรีไซเคิลและการนำกลับมาใช้ใหม่ในกระบวนการผลิต พร้อมเดินหน้าสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับวัสดุทดแทน (Secondary Raw Materials)    ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายเศรษฐกิจหมุนเวียนในยุโรป โดยมุ่งเน้นไปที่วัสดุที่มาจากเหล็ก อลูมิเนียม โพลิเมอร์ ทองแดง และแก้ว นอกจากนี้ ในบันทึกข้อตกลงยังเพิ่มเติมไปถึงการวิเคราะห์ความต้องการและแหล่งที่มาของวัสดุ รวมถึงการประเมินผลเชิงพาณิชย์ โดยความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมองค์กร เพื่อก้าวสู่เป้าหมายในการแก้ไขปัญหาด้านทรัพยากร และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว Markus Schäfer คณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ กรุ๊ป เอจี กล่าวว่า "ด้วยวิสัยทัศน์ ‘Design for Circularity’ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เราได้คำนึงถึงความสำคัญของเศรษฐกิจหมุนเวียนตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการผลิตรถยนต์ โดยมีเป้าหมายที่จะลดการใช้วัสดุจากแหล่งธรรมชาติ (Primary Resources) ด้วยการเก็บรักษาวัสดุตั้งต้นต่าง ๆ ไว้ในขั้นตอนการผลิตให้ได้มากที่สุด ซึ่งเราคาดว่าจะสามารถลดการใช้วัสดุจากแหล่งธรรมชาติเหล่านี้ ในการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ลงให้ได้ถึง 40% ภายในปี พ.ศ. 2573 เมื่อเทียบกับกระบวนการผลิตรถยนต์แบบดั้งเดิม ในการร่วมมือพันธมิตรเรามีเป้าหมายเพื่อเพิ่มสัดส่วนของวัสดุทดแทน (Secondary Raw Materials) ที่มาจากการรีไซเคิลชิ้นส่วนของรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมทั้งการปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการผลิตให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ เรายังเล็งเห็นถึงศักยภาพในการทำ “Urban Mining” ซึ่งเป็นวิธีที่คุ้มค่าต่อการลงทุนและสามารถอนุรักษ์ทรัพยากรที่มีค่า ผ่านระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืน”   ความร่วมมือครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่การพัฒนากิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเข้าถึงชิ้นส่วนวัสดุทดแทนที่จะถูกส่งออกไปยังทุกภาคส่วน รวมถึงประเทศอื่น ๆ ได้อย่างเต็มกำลัง โดยมีจุดประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งที่เรียกว่า “Downcycling” ซึ่งเป็นกระบวนการที่วัสดุจะถูกลดมูลค่าลง แต่ยังช่วยยืดอายุให้วัสดุเหล่านี้สามารถนำไปสร้างเป็นสิ่งใหม่ได้ สำหรับหนึ่งตัวอย่างความร่วมมือระหว่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ บริษัท TSR และซัพพลายเออร์เจ้าใหญ่ คือการรีไซเคิลอลูมิเนียมให้กลายเป็นวัสดุชนิดใหม่ ซึ่งวัสดุชนิดใหม่นี้จะกลายเป็นนวัตกรรมแรกของโลกที่ประกอบด้วยอลูมิเนียมที่ถูกรีไซเคิลหลังการใช้งาน (Post-Consumer Recycled Aluminium) สูงถึง 86% และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศได้ถึง 73% โดยผลทดสอบการหลอมขึ้นรูปชิ้นส่วนต้นแบบในครั้งแรกนับว่าประสบความสำเร็จและกำลังอยู่ระหว่างการประเมินผลต่อไป โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ คาดหวังที่จะนำเข้าสู่กระบวนการผลิตรถยนต์ให้ได้โดยเร็วที่สุด เมอร์เซเดส-เบนซ์ มุ่งมั่นรับผิดชอบการดำเนินธุรกิจด้วยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อนำไปสู่ความยั่งยืนในอนาคต โครงการริเริ่มดังกล่าวนี้ ถือเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุวิสัยทัศน์ “Ambition 2039” ซึ่งมีเป้าหมายในการทำให้กระบวนการผลิตรถยนต์ใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี พ.ศ. 2582

Mercedes-Benz รุ่น C 350 e AMG Dynamic คือยนตรกรรมไซส์คอมแพกต์ ขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดรุ่นยอดนิยม ที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งานของคนรุ่นใหม่อย่างลงตัว โดยรุ่นพิเศษ “Night Edition” มาพร้อมการปรับโฉมดีไซน์ใหม่ ด้วยการผสานชุดแต่ง AMG เข้ากับชุดแต่ง Night Package รอบคัน ทั้งกระจกมองข้างสีดำเงา กระจังหน้า กันชนหน้า และล้อแม็กซ์รมดำแบบ AMG 5-spoke aerodynamically ขนาด 18 นิ้ว ที่มาเสริมสร้างรูปลักษณ์แห่งความสปอร์ต ดุดัน และเปี่ยมไปด้วยความหรูหราอย่างมีระดับ นอกจากนี้ C-Class (Night Edition) ยังมาพร้อมนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ถูกติดตั้งมาอย่างครบครันมากยิ่งขึ้น C 350 e AMG Dynamic (Night Edition) มาพร้อมการตกแต่งห้องโดยสารภายในแบบ AMG interior package โดดเด่นด้วยหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว บริเวณด้านหน้าของผู้ขับขี่ และหน้าจอเครื่องเล่นขนาด 11.9 นิ้ว ที่รองรับ Apple CarPlay® และ Android Auto ช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถเชื่อมต่อโลกดิจิทัลได้ทุกช่วงเวลา พร้อมเสริมความสะดวกสบายด้วยการติดตั้งกระจกหน้าต่างแบบ Heat and noise-insulting acoustic glass ช่วยป้องกันรังสีอินฟาเรด และเสียงสะท้อนจากภายนอก ระบบฟอกอากาศแบบ ENERGIZING AIR CONTROL และ MBUX augmented reality for navigation ช่วยให้ผู้ขับขี่ค้นหาสถานที่และนําทางได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น C 350 e AMG Dynamic (Night Edition) ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1,999 ซีซี พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharged กำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 6,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 2,000 – 4,000 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 129 แรงม้า 440 นิวตันเมตร มอบกำลังรวมสูงสุดทั้งระบบ 313 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-TRONIC แบตเตอรี่เป็นแบบ Lithium-ion ความจุ 25.4  kWh รองรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ AC สูงสุด 11 kW และรองรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุด 55 kW ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 80% เพียง 20 นาที สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าได้มากกว่า 100 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน WLTP) และทำความเร็วสูงสุดจากโหมดการขับขี่แบบพลังงานไฟฟ้าล้วน (Electric Mode) ได้ถึง 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำให้ผู้ใช้งานสามารถขับขี่ภายในเมืองได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ ยังเพิ่มระบบช่วยในการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติพร้อมกล้อง 360 องศา (Parking package with 360° camera) พร้อมการติดตั้งระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่อย่างครบครัน ตามมาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ อาทิ โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP® (Electronic Stability Program) ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist) ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti – lock Braking System) ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Active Distance Assist DISTRONIC) ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องจราจร (Active Lance Keeping Assist) ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist) เป็นต้น มาพร้อมสีตัวถังทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว (Polar white) สีดำ (Obsidian black) สีเทา (Graphite grey) และสีเงิน (High-tech silver) โดยเปิดจำหน่ายด้วยราคา 3,290,000 บาท สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์รุ่นต่าง ๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ที่ www.mercedes-benz.co.th  หรือที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทุกสาขาทั่วประเทศ หรือติดตามข่าวสารอัพเดทผ่านทาง Facebook: Mercedes-Benz Thailand IG: @MercedesBenzThailand  และ LINE: @mercedesbenzth

นาฬิกา New Aquis คือ ความเปลี่ยนแปลงในทุกมิติที่อยู่บนตัวเรือนเวลารุ่นนี้ โดย ORIS มีความตั้งใจที่จะทำให้ The Best Selling Collection นี้ มีความแตกต่างจากที่ ORIS Friends ทั่วโลก ต่างคุ้นเคยกันมาในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา และรองรับกับทุกความต้องการใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบ เช่นเดียวกับความสวยสปอร์ตที่เพิ่มขึ้น หนึ่งในเรื่องราวสำคัญของ คอลเลกชัน New Aquis Date คือ นาฬิกาขนาดตัวเรือน 36.50 มม. ในแบบรูปลักษณ์ที่ได้รับการปรับโฉมใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นการออกแบบขึ้นโดยเฉพาะเพื่อเพิ่มสัมผัสพิเศษที่ให้ความรู้สึกหรูหรายิ่งขึ้น โดย นาฬิกา New Aquis Date 36.50 มม. มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงทั้งในเรื่องของรูปทรงตัวเรือนและรูปลักษณ์ อันได้แก่ วงแหวนขอบหน้าปัดหมุนได้ทิศทางเดียว ที่ได้รับการออกแบบใหม่ให้แคบลง พร้อมขอบเซรามิกทนทานที่มีหลักชั่วโมงทรง Baton ที่ส่งผลต่อรูปลักษณ์ที่ดูเบาขึ้น และนุ่มนวลขึ้นกว่าสเกลนาทีแบบเลขอารบิคในรุ่นเดิม รวมถึงชุดเข็มหลักชั่วโมง รูปแบบขาสาย และขนาดของสาย ในส่วนรายละเอียดของนาฬิกา มีการเพิ่มการขัดเงาที่ตัวเรือน ขอบวงแหวน เม็ดมะยม และบ่าป้องกันเม็ดมะยม พร้อมด้วยสายนาฬิกาดีไซน์ H แบบใหม่ ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อนาฬิกา Aquis Date ขนาด 36.50 มม. โดยเฉพาะ โดยข้อต่อแบบ H-link แต่ละข้อจะถูกขัดเงาและยึดไว้ด้วยข้อต่อตรงกลางแบบขัดด้าน ซึ่งเชื่อมต่อกับตัวเรือนนาฬิกาด้วยขาตัวเรือนแบบขัดเงา สร้างสัมผัสที่แตกต่างจาก Aquis รุ่นเดิมและยังทำให้นาฬิกาดูหรูหราและมีเสน่ห์มากขึ้น โดยไม่สูญเสียจุดประสงค์ของการเป็นนาฬิกา toolwatch ที่สวมใส่ได้ทุกวัน  นาฬิกาจะมีให้เลือกสามสี คือ แบบหน้าปัดเปลือกหอยมุกสีครีม ที่จับคู่เข้ากับขอบหน้าปัดเซรามิกสีเทา แบบหน้าปัดสีดำ Eternal Black ที่แมทช์เข้ากับขอบหน้าปัดเซรามิกสีดำ และแบบที่สาม รุ่น Upcycle ที่มาพร้อมหน้าปัดพลาสติก PET รีไซเคิล เช่นเดียวกับจานวันที่ที่มีสีเข้ากันกับหน้าปัด และหลักชั่วโมงที่มีปลายรูปทรงเพชรที่ช่วยเติมเต็มรูปลักษณ์ที่งดงาม ภายในของนาฬิกา Aquis Date ขนาด 36.50 มม. เปี่ยมประสิทธิภาพด้วย Calibre 733 ระบบกลไกออโตเมติก Swiss Made คุณภาพสูงที่เก็บพลังงานจากการเคลื่อนไหวของ Red Rotor อันเป็นเอกลักษณ์ของ Oris ที่สามารถมองเห็นได้ผ่านกระจกฝาหลังของนาฬิกา ซึ่งมีพลังงานสำรอง 38 ชั่วโมง และสามารถกันน้ำได้ 300 เมตร เพื่อรองรับการใช้งานทั้งนักดำน้ำมืออาชีพ และการสวมใส่ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี   รายละเอียดนาฬิกา Aquis Date 36.50 มม.   ตัวเรือน สเตนเลสสตีลแบบประกอบหลายชิ้น วงแหวนขอบหน้าปัดเซรามิกหมุนได้ทิศทางเดียว  ขนาด 36.50 มม, 1.437 นิ้ว หน้าปัด สีดำ สีครีมเปลือกหอยมุก หรือ พลาสติก PET รีไซเคิล   วัสดุเรืองแสง เข็มนาฬิกา และขีดบอกเวลา เคลือบสารเรืองแสง Super-LumiNova®  กระจกหน้าปัด แซฟไฟร์ โค้งรูปโดมสองด้าน เคลือบสารกันแสงสะท้อนด้านใน ฝาหลัง สเตนเลสสตีล ขันสกรู กระจกมิเนอรัลเปลือยให้เห็นกลไกภายใน ปุ่มปรับตั้งเวลา เม็ดมะยมนิรภัยสเตนเลสสตีลแบบขันเกลียว สายนาฬิกา สายสเตนเลสสตีลแบบประกอบหลายชิ้น พร้อมเฟืองล็อคสายแบบบานพับ หรือสายรับเบอร์สีดำ หรือสีครีม พร้อมเฟืองล็อคสายแบบบานพับ  การกันน้ำ 30 บาร์ (300 เมตร)   กลไกนาฬิกา หมายเลขเครื่อง Oris 733 ฟังก์ชั่น เข็มชั่วโมง เข็มนาที และเข็มวินาทีจากจุดศูนย์กลางเดินแบบกวาด กลไกปรับตั้งวันที่ได้อย่างรวดเร็ว หยุดเข็มวินาที หน้าต่างแสดงวันที่ ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา  การขึ้นลาน อัตโนมัติ  พลังงานสำรอง 38 ชั่วโมง การรับประกัน* ขยายระยะเวลารับประกันเป็น 3 ปี เมื่อลงทะเบียน MyOris ใช้สำหรับนาฬิกาและกลไก ตรวจเช็คการกันน้ำตามระยะเวลาที่แนะนำ 5 ปี   ☎ สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรคาเดโร ไทม์  โทร. 084 088 2189, 0 2163 0555

เดินทางมุ่งหน้าสู่สมบัติแห่งตะวันออก สวรรค์บนดินแห่งการพักผ่อน ณ โรงแรมระยอง แมริออท รีสอร์ท แอนด์​สปา ที่พร้อมมอบที่สุดแห่งความสุขให้กับทุกคนในครอบครัว โรงแรมระยอง แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันออกของประเทศไทย ห่างจากหาดทรายขาวบริสุทธิ์เพียงไม่กี่ก้าว ที่แห่งนี้คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับสิ่งอำนวยความสะดวกได้อย่างครบครัน ทั้งภายในห้องพักที่มีทั้งสิ้น 205 ห้อง ทุกห้องมีขนาดกว้างขวางโอ่โถง เริ่มต้นที่ห้องพักดีลักซ์วิวภูเขาและวิวทะเล ขนาด 40 ตร.ม. ไปจนถึงห้อง Ocean Pool Suite ที่กว้างถึง 130 ตร.ม. มาพร้อมโซฟาเบด พื้นที่ทำงาน ห้องน้ำหินอ่อนแยกฝักบัวและอ่างอาบน้ำทุกห้อง ส่วนห้องสวีตที่มีขนาด 77 และ 80 ตร.ม. มาพร้อมระเบียงส่วนตัวที่มองเห็นวิวพาโนรามาอันงดงามของอ่าวไทย    ลิ้มลองอาหารแสนอร่อยที่ ห้องอาหาร ซีซอลท์ คาเฟ่ ที่เปิดให้บริการตลอดวัน ทั้งอาหารเช้า กลางวัน และเย็น ในสไตล์บุฟเฟ่ต์ อาหารตะวันตก อาหารไทย นานาชาติ หรือเลือกสั่งตามเมนู นอกจากนี้ยังสามารถสั่งพิซซ่าอบใหม่จากเตาไม้ที่หอมกรุ่นพร้อมชมทิวทัศน์ของท้องทะเล ฟิช บาร์ ร้านอาหารริมชายหาด สไตล์ทันสมัย ที่เสิร์ฟอาหารทะเลและปลาทะเลที่จับสดใหม่ทุกวัน จาว่า คาเฟ่ขนมอบ แพสทรี ขนมปัง และเค้กหลากหลายชนิด มาพร้อมกาแฟ ชา ช็อคโกแลต และสมูทตี้ผลไม้ให้เลือกชิมยามบ่าย วอเตอร์ บาร์ สนุกไปกับบรรยากาศอันผ่อนคลายพร้อมเครื่องดื่มน้ำผลไม้คั้นสด อาหารว่างระหว่างวัน สลัด และเมนูที่ได้รับแรงบันดาลจากใจจากไทยและฝั่งตะวันตกหลากหลายรูปแบบ และปิดท้ายกันที่ เดอะเลาจน์ บาร์หรูที่คัดสรรเครื่องดื่มชั้นเยี่ยมมาให้คุณได้ดื่ม พร้อมชมวิวชายหาดขณะพระอาทิตย์กำลังตกอันงดงาม ไม่เพียงเท่านั้นที่นี่ยังมีห้องประชุมสัมมนา ที่สามารถจัดงานสำคัญของคุณได้อย่างไร้ที่ติ ไม่ว่าจะเป็นภายในห้องประชุม พื้นที่บนสนามหญ้ากว้างขวาง บนเนินเขาอันร่มรื่น หรือบนชายหาดที่งดงาม รวมทั้งยังมี สระว่ายน้ำ สปา (QUAN SPA) ฟิตเนสตลอด 24 ชม. และคิดส์คลับ ที่รอต้อนรับคุณหนู ๆ ให้สนุกไปกับวันหยุดครอบครัว ครบครันทั้งบ้านบอล ห้องภาพยนตร์ โต๊ะฟุตบอล มุม XBOX และ PlayStation หรือเข้าร่วมกิจกรรมอย่างเช่น การทำศิลปะ งานฝีมือ และคลาสทำอาหารก็ได้เช่นกัน    สิทธิพิเศษสำหรับผู้ถือบัตรเครดิต UOB Mercedes ▪️ พัก 3 จ่าย 2 สำหรับห้องดีลักซ์วิวภูเขา และห้องดีลักซ์วิวทะเลจากราคาปกติ ▪️ ส่วนลด 15% สำหรับอาหาร เครื่องดื่ม และสปา    เงื่อนไข ▪️ สิทธิพิเศษสำหรับผู้ถือบัตรเครดิต UOB Mercedes เท่านั้น    สาขาที่ร่วมรายการ  Rayong Marriott Resort and Spa    ระยะเวลา 1 มกราคม - 31 ธันวาคม 2567  

โรงเรียนนานาชาติเบซิส กรุงเทพฯ มาตรฐานระดับโลกจากอเมริกา ชวนเช็กอินเสาร์ที่ 2 มี.ค. 67 ให้ผู้ปกครองร่วมสัมผัสกับบรรยากาศการเรียนการสอนจริงในกิจกรรม OPEN HOUSE ! เบซิส กรุงเทพฯ (BASIS International School Bangkok) โรงเรียนนานาชาติระดับโลก ลำดับที่ 35 ในเครือข่ายโรงเรียน BASIS Network School จากประเทศสหรัฐอเมริกา มีหลักสูตรเฉพาะที่ถูกออกแบบและพัฒนามาอย่างยาวนานกว่า 3 ทศวรรษ จนได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในเครือข่ายโรงเรียนที่ดีที่สุดในอเมริกา  เปิดทำการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับชั้น Nursery ไปจนจบมัธยมปลายที่ Grade 12 นับเป็นหลักสูตรที่มีความเข้มข้นทางวิชาการ และให้ความสำคัญกับการพัฒนาความสามารถของนักเรียนอย่างไร้ขีดจำกัด ช่วยให้นักเรียนแต่ละคนประสบความสำเร็จตามศักยภาพที่แท้จริงของตนเอง พร้อมรับมือกับความท้าทายในอนาคตและแข่งขันได้ในระดับสากล โรงเรียนเครือข่ายเบซิสสามารถผลักดันให้นักเรียนก้าวเข้าสู่มหาวิทยาลัยแถวหน้าของโลกมาแล้วมากมาย และสร้างชื่อเสียงในฐานะบุคลากรคุณภาพในสังคมโลก นับเป็นความมุ่งหมายสูงสุดในการนำพา เบซิส กรุงเทพฯ เดินหน้าสู่ความเป็นเลิศอย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมกับการบูรณาการหลักสูตรให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับบริบทของสังคมไทย ปลูกฝังความเป็นไทยในทุกระดับชั้น ควบคู่ไปกับหลักสูตรการเรียนการสอนที่มีมาตรฐานในระดับสากล จึงไม่น่าแปลกใจที่ เบซิส กรุงเทพฯ ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในโรงเรียนนานาชาติที่ดีที่สุดของประเทศไทยไปแล้ว นอกจากเบซิส กรุงเทพฯ จะให้ความสำคัญด้านวิชาการมาเป็นอันดับหนึ่ง สภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีมีคุณภาพยังเป็นส่วนที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการปลูกฝังความรักในการเรียนรู้ และส่งเสริมให้นักเรียนได้ค้นพบความชอบของตนเองอีกด้วย การคัดสรรบุคลากรครูผู้สอนแต่ละท่านเปี่ยมด้วยความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์บนพื้นฐานความเชื่อมั่นว่าเด็กทุกคนจะสามารถเป็นเลิศได้ โรงเรียนนานาชาติเบซิส กรุงเทพฯ พร้อมแล้ว ที่จะเปิดบ้านครั้งใหม่ ในกิจกรรม Open House ให้เข้าเยี่ยมชมสถานที่และไขข้อสงสัยว่า

เนื่องในโอกาสครบรอบ 13 ปี นิตยสารอะราวด์ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ร่วมกับ นิตยสารอะราวด์ (AROUND Magazine) นำโดย คุณสุพรทิพย์ พงศาชำนาญกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ Head of Card Business, คุณยุพดี ชัยฉัตรพรสุข ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจบัตรเครดิต ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย และคุณอมรินทร์ คชรัตน์ กรรมการบริษัท ไลฟ์สไตล์ แอนด์ ทราเวล มีเดีย จำกัด จัดกิจกรรมเพื่อระดมทุน มอบเงินจำนวน 1,000,000 บาท (หนึ่งล้านบาท) ร่วมสนับสนุนการจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับคณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โดยมี รศ.นพ.วิชัย ประสาทฤทธา อาจารย์แพทย์ประจำภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เป็นผู้รับมอบเมื่อเร็ว ๆ นี้

บ้านขนิษฐาแอนด์แกลเลอรี่ (สาทร) ลิ้มรสอาหารไทยต้นตำรับรสชาติไทยแท้ในกรุงเทพฯ ท่ามกลางบรรยากาศร้านผสมผสานด้วยงานหัตถกรรมโบราณ งานประติมากรรม จิตรกรรม กลิ่นอายของความเป็นไทย ตั้งอยู่บนถนนสาทรใต้ในบรรยากาศที่หรูหรา ร่มรื่น สะดวกสบายกับการเดินทางด้วย MRT สถานีลุมพินี และ BTS สถานีช่องนนทรี อาหารเรียกน้ำย่อย (Appetizer) ถือเป็นอาหารจานพิเศษในการเริ่มต้นมื้ออาหารได้อย่างสมบูรณ์ และยังเป็นวัฒนธรรมการรับประทานอาหาร อาหารไทยก็เช่นเดียวกัน ร้านอาหารบ้านขนิษฐา นำเสนอเมนู “รวมมิตรเครื่องว่างต้นตำหรับ” หลากหลายเมนูยอดนิยมในจานเดียว เช่น ทอดมันกุ้ง ทอดมันปลากราย ไก่ห่อใบเตย และปอเปี๊ยะทอด รับประทานคู่ 4 น่ำจิ้มสูตรเด็ดของทางร้าน “ยำส้มโอบ้านขนิษฐา” ที่คัดสรรส้มโอจาก อ.นครไชยศรี จ.นครปฐม คลุกกับยำกับไก่ฉีกและกุ้ง ส้มโอหวานอมเปรี้ยวเข้ากับน้ำยำรสชาติกลมกล่อม หอมถั่วลิสงและมะพร้าวคั่วใส่น้ำพริกเผาในน้ำยำสูตรเด็ดไม่เหมือนใคร “น้ำพริกลงเรือปลาดุกฟูหมูหวาน” สูตรตำรับบ้านขนิษฐาจะใส่กุ้งและหมู ผัดกับเครื่องน้ำพริก ใช้มะม่วงดิบเพื่อเพิ่มความเปรี้ยว แต่งด้วยไข่เค็มแดง เคียงด้วยปลาดุกฟูและหมูหวาน รับประทานกับผักสด “ฉู่ฉี่กุ้งอยุธยา” กุ้งแม่น้ำตัวโตๆ สดๆ ทอดกรอบ หอมเนื้อแน่นเต็มคำ ราดด้วยซอสฉู่ฉี่สูตรเด็ดเข้มข้นถึงเครื่องพริกแกง “ต้มยำกุ้งนางบ้านขนิษฐา” เน้นรสชาติเปรี้ยวและเผ็ดเป็นหลัก จะออกเค็มและหวานเล็กน้อย มีเครื่องเทศที่ใส่ในน้ำแกงที่สำคัญคือ ใบมะกรูด ตะไคร้ “ปูนิ่มผัดพริกไทยดำ” เมนูปูนิ่มยอดนิยมอีกหนึ่งเมนู ปูนิ่มที่ทอดจนเหลืองกรอบ นำไปผัดกับพริกไทยดำจนเข้ากัน รสชาติหวานกลมกล่อมกำลังดี “มะกรูดเชื่อมลอยแก้ว ลูกลานสีดอกอัญชัน” ของหวานไทย ที่ทำจากพืชผักสมุนไพร นำมาลอยแก้ว มีรสชาติหวานหอม สดชื่น ผลมะกรูดนำมาคว้านไส้ออกและเชื่อมในแบบชาววังแท้ เสิร์ฟแบบลอยแก้วใส่น้ำแข็งทุบ เคียงด้วยลูกลานที่นำไปเชื่อมในน้ำเชื่อมใส่น้ำดอกไม้อัญชัน และ ขนมหม้อแกงกล้วยไข่เชื่อม บ้านขนิษฐา สาขาสาทร สามารถสำรองที่นั่งได้ที่ 02-6754200, 083-2975467