
Mercedes-Benz เตรียมเปิดตัว EQC ยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าครั้งแรก!

คุณพร้อมหรือยังที่จะข้ามมาสู่ดินแดนของการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า? ซึ่งดินแดนแห่งนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์กำลังจะออกมาต้อนรับคุณกลางปีนี้!
เตรียมพบกับสุดยอดยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าตัวแรกจากแบรนด์ Mercedes-Benz พร้อมประสิทธิภาพอันเปี่ยมล้น มุ่งเน้นในด้านความปลอดภัย และความสะดวกสบายคงคุณค่าในแบบเมอร์เซเดส-เบนซ์
EQ รุ่นนี้มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวที่ผลิตกำลังรวมได้ถึง 300 กิโลวัตต์ พร้อมระบบขับเคลื่อนแบบสี่ล้อ ช่วยประหยัดพลังงาน แถมยังมีระบบ ECO Assist System ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่ขับแบบประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น โดยการแปลงพลังงานไฟฟ้าทุกครั้งจากการเบรกของรถ รถ EQC นั้นยังมีอุปกรณ์อย่างตัวชาร์จแบบพกพาที่มีระบบระบายความร้อนขนาด 7.4 กิโลวัตต์ ซึ่งทำให้มันเหมาะสำหรับการชาร์จแบบ AC และ DC ทั้งที่บ้านและในที่สาธารณะ
EQC มาพร้อมกับระบบค้นหาสถานีชาร์จที่ใกล้เคียง ขณะที่ Mercedes me Charge นั้น ก็ช่วยทำให้การเข้าถึงเครือข่ายการชาร์จของผู้ให้บริการต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ โดยสามารถจ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชั่นทำให้มีความสะดวกสูงสุด ในส่วนของการออกแบบภายในนั้นก็ยังคงความหรูหรา ล้ำสมัยออกแบบและตกแต่งด้วยวัสดุชั้นนำในแบบสไตล์ Mercedes-Benz
RELATED POSTS

เมอร์เซเดส-เบนซ์ อัปสกิลเซลส์ผ่านกิจกรรม “Friends of Mercedes” ดึง 3 อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง มาชี้เส้นทางสู่คอนเทนต์ครีเอเตอร์
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ผนึกกำลังตัวแทนจำหน่ายฯ ทั่วประเทศ จัดกิจกรรม “Friends of Mercedes” การประกวดเฟ้นหาที่ปรึกษาทางการขายที่มีความโดดเด่น และมีความสามารถในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ออกมาให้มีประสิทธิภาพ ภายใต้มาตรฐานการตัดสินและแนวคิด “Think Luxury, Act Luxury” เน้นย้ำการยกระดับแนวความคิดและการแสดงออกของที่ปรึกษาทางการขาย ในฐานะตัวแทนของแบรนด์ระดับลักชัวรี่ ผ่านการร่วมมือกับครีเอทีฟเอเจนซี่ชั้นแนวหน้าของไทย อย่าง บีบีดีโอ กรุงเทพ (BBDO Bangkok) ในฐานะที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร และมีบทบาทเป็นหนึ่งในคณะกรรมการในการตัดสินผู้ชนะของกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งจากผลการตัดสิน มีที่ปรึกษาทางการขายจากแต่ละตัวแทนจำหน่ายฯ ที่ชนะเลิศและขึ้นชื่อว่าเป็น “Friends of Mercedes” ในประเทศไทยจำนวนทั้งสิ้น 16 คน จากผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 37 คน โดยมีคณะผู้บริหารจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ นำโดย มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ มร. คาย-อูเว่ ทริลเลนแบร์ก รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาดและการขาย ร่วมแสดงความยินดีกับผู้ชนะทุกคน ในกิจกรรม “Friends of Mercedes” เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ดึง 3 อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังในประเทศไทยมาร่วมเป็นวิทยากรในการเสริมทักษะและองค์ความรู้ให้แก่ที่ปรึกษาการขาย ได้แก่ คุณพีท – ทสร บุณยเนตร Chief Creative Officer (CCO) จาก BBDO Bangkok คุณเต้ย – นิธิ ท้วมประถม เจ้าของช่อง Autolifethailand.tv และคุณอู๋ – อติชาญ เชิงชวโน เจ้าของช่อง spin9 โดยวิทยากรทุกท่านได้แชร์เทคนิคและประสบการณ์ทั้งในด้านของการคิดครีเอทีฟไอเดีย การสร้างสรรค์วิดิโอ รวมถึงการใช้เครื่องมือในการทำคอนเทนต์ในปัจจุบันผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมิเดียต่าง ๆ โดยเฉพาะแพลตฟอร์มรูปแบบวิดิโอ อย่าง TikTok และ YouTube เพื่อให้ที่ปรึกษาการขายเข้าใจถึงแนวคิดและวิธีการต่าง ๆ และสามารถนำไปปรับใช้ในการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์ และรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เชื่อว่าตัวแทนจำหน่ายฯ และที่ปรึกษาทางการขายทุกคน มีบทบาทสำคัญในทุกขั้นตอนการบริการ และเป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับลูกค้ามากที่สุด กิจกรรมในครั้งนี้จึงถือเป็นหนึ่งในก้าวสำคัญที่จะช่วยสร้างความเข้าใจในด้านการสื่อสาร รวมถึงยกระดับแนวความคิดและทักษะต่าง ๆ ให้กับผู้ร่วมกิจกรรมที่เปรียบเสมือนกระบอกเสียงของแบรนด์ เพื่อเป้าหมายเดียวกันในการส่งมอบประสบการณ์และบริการระดับลักชัวรี่ตามมาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ให้แก่ลูกค้าทุกคน สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่: www.mercedes-benz.co.th หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่: ตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือผ่านช่องทาง Facebook: Mercedes-Benz Thailand IG: @MercedesBenzThailand LINE: @mercedesbenzth

‘เมอร์เซเดส-เบนซ์’ ผลักดันกลยุทธ์เศรษฐกิจหมุนเวียนสู่ความยั่งยืน ลุยโปรเจกต์ Urban Mining
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประกาศลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) ร่วมกับ TSR Recycling GmbH & Co. KG โดยมีเป้าหมายในการผลักดันกลยุทธ์เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ภายใต้โปรเจกต์ “Urban Mining” หรือการทำเหมืองในเมือง ซึ่งเป็นการนำชิ้นส่วนรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ครบอายุการใช้งานกลับมาสร้างคุณค่าใหม่ ทั้งการรีไซเคิลและการนำกลับมาใช้ใหม่ในกระบวนการผลิต พร้อมเดินหน้าสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับวัสดุทดแทน (Secondary Raw Materials) ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายเศรษฐกิจหมุนเวียนในยุโรป โดยมุ่งเน้นไปที่วัสดุที่มาจากเหล็ก อลูมิเนียม โพลิเมอร์ ทองแดง และแก้ว นอกจากนี้ ในบันทึกข้อตกลงยังเพิ่มเติมไปถึงการวิเคราะห์ความต้องการและแหล่งที่มาของวัสดุ รวมถึงการประเมินผลเชิงพาณิชย์ โดยความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมองค์กร เพื่อก้าวสู่เป้าหมายในการแก้ไขปัญหาด้านทรัพยากร และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว Markus Schäfer คณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ กรุ๊ป เอจี กล่าวว่า "ด้วยวิสัยทัศน์ ‘Design for Circularity’ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เราได้คำนึงถึงความสำคัญของเศรษฐกิจหมุนเวียนตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการผลิตรถยนต์ โดยมีเป้าหมายที่จะลดการใช้วัสดุจากแหล่งธรรมชาติ (Primary Resources) ด้วยการเก็บรักษาวัสดุตั้งต้นต่าง ๆ ไว้ในขั้นตอนการผลิตให้ได้มากที่สุด ซึ่งเราคาดว่าจะสามารถลดการใช้วัสดุจากแหล่งธรรมชาติเหล่านี้ ในการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ลงให้ได้ถึง 40% ภายในปี พ.ศ. 2573 เมื่อเทียบกับกระบวนการผลิตรถยนต์แบบดั้งเดิม ในการร่วมมือพันธมิตรเรามีเป้าหมายเพื่อเพิ่มสัดส่วนของวัสดุทดแทน (Secondary Raw Materials) ที่มาจากการรีไซเคิลชิ้นส่วนของรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมทั้งการปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการผลิตให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ เรายังเล็งเห็นถึงศักยภาพในการทำ “Urban Mining” ซึ่งเป็นวิธีที่คุ้มค่าต่อการลงทุนและสามารถอนุรักษ์ทรัพยากรที่มีค่า ผ่านระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืน” ความร่วมมือครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่การพัฒนากิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเข้าถึงชิ้นส่วนวัสดุทดแทนที่จะถูกส่งออกไปยังทุกภาคส่วน รวมถึงประเทศอื่น ๆ ได้อย่างเต็มกำลัง โดยมีจุดประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งที่เรียกว่า “Downcycling” ซึ่งเป็นกระบวนการที่วัสดุจะถูกลดมูลค่าลง แต่ยังช่วยยืดอายุให้วัสดุเหล่านี้สามารถนำไปสร้างเป็นสิ่งใหม่ได้ สำหรับหนึ่งตัวอย่างความร่วมมือระหว่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ บริษัท TSR และซัพพลายเออร์เจ้าใหญ่ คือการรีไซเคิลอลูมิเนียมให้กลายเป็นวัสดุชนิดใหม่ ซึ่งวัสดุชนิดใหม่นี้จะกลายเป็นนวัตกรรมแรกของโลกที่ประกอบด้วยอลูมิเนียมที่ถูกรีไซเคิลหลังการใช้งาน (Post-Consumer Recycled Aluminium) สูงถึง 86% และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศได้ถึง 73% โดยผลทดสอบการหลอมขึ้นรูปชิ้นส่วนต้นแบบในครั้งแรกนับว่าประสบความสำเร็จและกำลังอยู่ระหว่างการประเมินผลต่อไป โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ คาดหวังที่จะนำเข้าสู่กระบวนการผลิตรถยนต์ให้ได้โดยเร็วที่สุด เมอร์เซเดส-เบนซ์ มุ่งมั่นรับผิดชอบการดำเนินธุรกิจด้วยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อนำไปสู่ความยั่งยืนในอนาคต โครงการริเริ่มดังกล่าวนี้ ถือเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุวิสัยทัศน์ “Ambition 2039” ซึ่งมีเป้าหมายในการทำให้กระบวนการผลิตรถยนต์ใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี พ.ศ. 2582

มอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่นพิเศษ “Night Edition” นำเสนอยนตรกรรม C-Class Plug-in Hybrid กับรูปลักษณ์ที่สปอร์ตและดุดันยิ่งขึ้น
Mercedes-Benz รุ่น C 350 e AMG Dynamic คือยนตรกรรมไซส์คอมแพกต์ ขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดรุ่นยอดนิยม ที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งานของคนรุ่นใหม่อย่างลงตัว โดยรุ่นพิเศษ “Night Edition” มาพร้อมการปรับโฉมดีไซน์ใหม่ ด้วยการผสานชุดแต่ง AMG เข้ากับชุดแต่ง Night Package รอบคัน ทั้งกระจกมองข้างสีดำเงา กระจังหน้า กันชนหน้า และล้อแม็กซ์รมดำแบบ AMG 5-spoke aerodynamically ขนาด 18 นิ้ว ที่มาเสริมสร้างรูปลักษณ์แห่งความสปอร์ต ดุดัน และเปี่ยมไปด้วยความหรูหราอย่างมีระดับ นอกจากนี้ C-Class (Night Edition) ยังมาพร้อมนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ถูกติดตั้งมาอย่างครบครันมากยิ่งขึ้น C 350 e AMG Dynamic (Night Edition) มาพร้อมการตกแต่งห้องโดยสารภายในแบบ AMG interior package โดดเด่นด้วยหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว บริเวณด้านหน้าของผู้ขับขี่ และหน้าจอเครื่องเล่นขนาด 11.9 นิ้ว ที่รองรับ Apple CarPlay® และ Android Auto ช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถเชื่อมต่อโลกดิจิทัลได้ทุกช่วงเวลา พร้อมเสริมความสะดวกสบายด้วยการติดตั้งกระจกหน้าต่างแบบ Heat and noise-insulting acoustic glass ช่วยป้องกันรังสีอินฟาเรด และเสียงสะท้อนจากภายนอก ระบบฟอกอากาศแบบ ENERGIZING AIR CONTROL และ MBUX augmented reality for navigation ช่วยให้ผู้ขับขี่ค้นหาสถานที่และนําทางได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น C 350 e AMG Dynamic (Night Edition) ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1,999 ซีซี พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharged กำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 6,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 2,000 – 4,000 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 129 แรงม้า 440 นิวตันเมตร มอบกำลังรวมสูงสุดทั้งระบบ 313 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-TRONIC แบตเตอรี่เป็นแบบ Lithium-ion ความจุ 25.4 kWh รองรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ AC สูงสุด 11 kW และรองรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุด 55 kW ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 80% เพียง 20 นาที สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าได้มากกว่า 100 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน WLTP) และทำความเร็วสูงสุดจากโหมดการขับขี่แบบพลังงานไฟฟ้าล้วน (Electric Mode) ได้ถึง 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำให้ผู้ใช้งานสามารถขับขี่ภายในเมืองได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ ยังเพิ่มระบบช่วยในการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติพร้อมกล้อง 360 องศา (Parking package with 360° camera) พร้อมการติดตั้งระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่อย่างครบครัน ตามมาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ อาทิ โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP® (Electronic Stability Program) ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist) ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti – lock Braking System) ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Active Distance Assist DISTRONIC) ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องจราจร (Active Lance Keeping Assist) ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา (Blind Spot Assist) เป็นต้น มาพร้อมสีตัวถังทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว (Polar white) สีดำ (Obsidian black) สีเทา (Graphite grey) และสีเงิน (High-tech silver) โดยเปิดจำหน่ายด้วยราคา 3,290,000 บาท สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์รุ่นต่าง ๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ที่ www.mercedes-benz.co.th หรือที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทุกสาขาทั่วประเทศ หรือติดตามข่าวสารอัพเดทผ่านทาง Facebook: Mercedes-Benz Thailand IG: @MercedesBenzThailand และ LINE: @mercedesbenzth