TOP

7 วิธีตามวิถีชีวิตปกติใหม่ ห่างไกลโควิด-19

ถึงจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่โควิด-19 ก็ยังคงเป็นสิ่งที่เราต่างต้องเฝ้าระวัง เพราะเมื่อไหร่ที่เผลอก็อาจเปิดโอกาสให้เชื้อโรคตัวร้ายนี้เข้ามาทำลายเราได้ ดังนั้นการใช้ชีวิตแบบ New Normal จึงยังคงเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้และปรับตัวอยู่เสมอ

 

วัดไข้เป็นระยะ

เพราะเชื้อโรคที่กลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง ได้มีการกลายพันธุ์ ทำให้อาการที่แสดงออกอาจไม่ชัดเจนนัก แถมยังติดต่อกันได้ง่ายกว่าเดิมอีก ดังนั้นตราบใดที่ไม่สามารถเก็บตัวอยู่กับบ้านได้ 100% ก็ยังคงต้องเพิ่มความระมัดระวัง และคอยสังเกตอาการตัวเองและคนใกล้ชิด โดยนอกจากจะมีหน้ากาก เจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ล้างมือเป็นของสำคัญที่ต้องพกติดกระเป๋าแล้ว ปรอทวัดไข้ก็อาจเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ต้องเพิ่มเข้ามา เพื่อคอยเช็กระดับอุณหภูมิในร่างกายว่าสูงเกินกว่า 37.5 องศาเซลเซียสหรือไม่ ควบคู่ไปกับการสังเกตอาการอื่นๆ เช่น ไอ หายใจเหนื่อยหอบ รวมถึงประสิทธิภาพการได้กลิ่น

-||-

 

โหลดแอปฯ จำเป็น

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้ทุกพื้นที่นอกบ้านกลายเป็นพื้นที่เสี่ยง เราจึงต้องเก็บเนื้อเก็บตัว ใช้ชีวิตโดยถูกจำกัดพื้นที่และเวลา ซึ่งหากเป็นเมื่อก่อนการใช้ชีวิตดังกล่าวคงยากกว่านี้ โชคดีที่ตอนนี้เทคโนโลยีได้ก้าวล้ำไปไกลแล้ว การใช้ชีวิตแบบนี้จึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ขอเพียงแค่เรามีแอปพลิเคชันตัวช่วยต่างๆ เช่น Grab, Lineman หรือ Foodpanda สำหรับสายกิน Lazada, Shopee, JD central และ King power สำหรับสายช้อป TrueMoney Wallet, Rabbit LINE Pay, Airpay, GrabPay Wallet และแอปธนาคารต่างๆ สำหรับสายทำธุรกรรม ด้านสายจ่ายตลาดก็มี Big C online, Tesco Lotus, CP Freshmart, Tops, Makro, Surapon Foods Online, HappyFresh ที่น่าจะพอช่วยให้อยู่รอดปลอดภัยจากเชื้อไวรัสนี้ไปได้

-||-

 

เปลี่ยนบ้านให้เป็นที่ (น่า) ทำงาน

เมื่อ “บ้าน” กลายเป็นสถานที่ทำงานในช่วงเวลาที่ต้องรักษาระยะห่างทางสังคม การจัดบ้านเพื่อสร้างบรรยากาศ สร้างแรงบันดาลใจในการทำงานจึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งไหนๆ ก็มีโอกาสได้ทำงานที่บ้านทั้งที ก็ลองปรับเปลี่ยนมุมโปรดของบ้าน ให้กลายเป็นที่นั่งทำงาน โดยจัดหาที่นั่งให้เหมาะสม เสริมบรรยากาศด้วยข้าวของตกแต่งตามความชอบ เพื่อช่วยผ่อนคลาย และสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน ควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีในการทำงานผ่านโน๊ตบุ๊ก แท็ปเล็ต หรือแม้แต่โทรศัพท์มือถือ โดยใช้วิธีการพูดคุยสื่อสาร หรือส่งงานผ่านอีเมล ไลน์ หรือ WhatsApp รวมถึงประชุมงานกันโดยใช้ Video Conference ผ่านแอปพลิเคชั่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Line ที่สามารถ Group Call ได้สูงสุดถึง 200 คน หรือถ้าเป็นการประชุมกลุ่มเล็กก็สามารถใช้ Google Hangout เพราะสะดวกต่อการแชร์เอกสาร เช่นเดียวกับ Zoom ที่สามารถแชร์หน้าจอของผู้ร่วมประชุม หรือ Microsoft Teams ที่สามารถบันทึกการประชุมได้ด้วย

-||-

 

เดินทางอย่างปลอดเชื้อ

ไม่ใช่แค่พื้นที่ภายในบ้านเท่านั้น ที่ต้องดูแลรักษาความสะอาดให้ห่างไกลจากเชื้อไวรัส แต่ในยุคปัจจุบัน “รถ” ก็เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่เราใช้เวลาอยู่ไม่น้อยไปกว่าบ้าน ดังนั้นจึงต้องได้รับการดูแลมากเป็นพิเศษเช่นกัน โดยช่วงนี้อาจจะต้องนำรถไปล้างให้บ่อยขึ้น เนื่องจากเราไม่อาจรู้ได้ว่ามีใครมาสัมผัสรถเราบ้าง ส่วนภายในรถก็ทำความสะอาดโดยใช้น้ำยาทำความสะอาดภายในรถยนต์ทั่วไป โดยเน้นบริเวณจุดสัมผัส เช่น เบาะ พวงมาลัย หัวเกียร์ มือจับประตู พรม ที่เท้าแขน พนักพิงศีรษะ ให้มากเป็นพิเศษ นอกจากนี้ในระหว่างวันก็อาจนำรถไปจอดตากแดดบ้าง เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อ อีกทั้งเมื่อเข้ามาภายในรถแล้ว สิ่งที่ทั้งผู้ขับขี่ และผู้โดยสารทุกคนจะต้องทำก่อนเป็นอันดับแรกคือ การล้างมือด้วยเจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ รวมถึงสวมใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ในรถ

-||-

 

พูดคุยเว้นระยะ

ในช่วงเวลาแบบนี้ บางทีก็ต้องยอมที่จะกลับไปใช้ชีวิตในสังคมก้มหน้า เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเองและคนรอบข้าง เพราะการพูดคุยกันต่อหน้าอาจนำมาซึ่งเชื้อโรคตัวร้ายนี้ ด้วยว่าเราไม่อาจรู้ได้เลยว่า อีกฝ่ายที่เราพูดคุยด้วยเขาไปรับเชื้อมาหรือไม่ รวมทั้งตัวเราเองก็อาจมีเชื้ออยู่โดยไม่แสดงอาการก็ได้ หากดูจากไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อก็จะเห็นว่าบางคนเพียงแค่ไปซื้อของจ่ายตลาด ไม่น่าจะมีการพูดมากมายนัก แต่กลับได้รับเชื้อมา นั่นจึงยิ่งทำให้เราต้องเพิ่มความระมัดระวังในการพูดคุยสื่อสารเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ แล้วหันมาใช้การพูดคุยสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการส่งอีเมล โทรศัพท์ หรือการแชทแทน หรือหากจำเป็นต้องมีการพูดคุยกันต่อหน้าจริงๆ ก็จำเป็นต้องเว้นระยะห่างระหว่างกัน 1 – 2 เมตร รวมถึงต้องสวมใส่หน้ากากอย่างถูกต้องตลอดเวลา

-||-

 

เป็นนักจัดการบริหารเวลา

ถ้าหากว่ายังจำเป็นต้องใช้ชีวิตในที่สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นการไปทำงาน ซื้อของ หรือกินข้าว ต้องรู้จักวางแผน และบริหารเวลาให้เป็น เพื่อที่ว่าจะได้ใช้เวลาอยู่นอกบ้าน ซึ่งทุกพื้นที่ถือเป็นความเสี่ยงให้น้อยที่สุด โดยอาจหาเวลา 1 วันต่อสัปดาห์ ให้เป็นวันที่จะออกไปจัดการทำธุระจำเป็นนอกบ้าน โดยก่อนหน้านั้นสิ่งที่ต้องทำคือ การจดรายการที่จำเป็นต้องทำ เพื่อจะได้วางแผนการเดินทาง รวมถึงดูว่าสิ่งที่ต้องทำนั้นมีอะไรที่สามารถนัดหมายหรือสั่งจองล่วงหน้าได้บ้าง จะได้เป็นการประหยัดเวลา และลดโอกาสเสี่ยงที่จะรับเชื้อไวรัสโดยไม่รู้ตัว นอกจากนี้ก่อนที่จะไปยังร้านอาหาร คาเฟ่ ห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่ต่างๆ ให้ตรวจสอบดูก่อนว่าที่ที่จะไปนั้น มีประวัติการเดินทางไปของผู้ติดเชื้อในช่วงเวลาก่อนหน้าหรือไม่ รวมถึงมีมาตรการดูแลความสะอาด และเฝ้าระวังการแพร่เชื้ออย่างไรบ้าง มีการจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการ หรือจัดที่นั่งแบบเว้นระยะห่างตามความเหมาะสมหรือไม่ และเมื่อกลับถึงบ้านแล้วให้ถอดรองเท้า ทิ้งหรือทำความสะอาดหน้ากากอย่างเหมาะสม ก่อนจะตรงไปล้างมือ และอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายทันที

-||-

 

ออกกำลังกายแบบปลอดภัย

สำหรับสายเฮลท์ตี้ ถึงแม้ว่าตอนนี้ฟิตเนส และสถานออกกำลังกายต่างๆ ปิดให้บริการอีกครั้ง ระหว่างนี้อาจหลีกเลี่ยงที่สาธารณะแล้วหันมาออกกำลังกายผ่านคลิป เฟสบุ๊กไลฟ์ หรือ Youtube Channel ของบล็อกเกอร์สายสุขภาพ ที่มีให้ติดตามมากมาย ทั้งยังสามารถกดย้อนเพื่อศึกษาท่าทางที่ถูกต้องได้อีกด้วย ส่วนใครที่ยังต้องการเทรนเนอร์ส่วนตัว ก็สามารถใช้การสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ โดยใช้เป็นการส่งรูป คลิปวิดีโอสาธิต หรือวิดีโอคอล เพื่อการออกกำลังกายอย่างถูกวิธีและต่อเนื่องได้เช่นกัน

————————————

ที่มา: Mercedes Card Journal Issue01/2021